เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๒ มี.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาเราพูดเรื่องธรรมะ ความอึดอัดขัดข้องเป็นเรื่องของกิเลส ความอึดอัดขัดข้องนะ ต้องทำให้หัวใจปลอดโปร่ง ความปลอดโปร่งของหัวใจ ความสบายของใจ อันนั้นเป็นสิ่งที่เป็นบุญกุศล ความอึดอัดขัดข้องมันเป็นเรื่องของกิเลส แล้วทำไมเวลาเราพูด ทำไมเราฉุนเฉียวล่ะ ทำไมเราอึดอัดขัดข้องล่ะ ความอึดอัดขัดข้องของเรามันเหมือนปลา ปลาอยู่ในน้ำ ถ้าออกซิเจนมันไม่มี ปลาตายหมด แต่ถ้าปลามันอยู่ของมันโดยออกซิเจนโดยตัวของมันเองตัวเดียวอยู่ในน้ำ มันจะมีความสุขของมันมาก

อันนี้ก็เหมือนกัน ความอึดอัดขัดข้องของเราเพราะโยมไง เพราะความเข้ามา ปลาต้องอยู่กับน้ำไง ถ้าน้ำมันไม่สะอาด น้ำมันไม่มีออกซิเจน ปลามันอึดอัดขัดข้อง ปลามันไม่ใช่อึดอัดขัดข้องในตัวของปลาเอง แต่ปลามันอึดอัดขัดข้องเพราะสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมที่มันเข้ามา มันอึดอัดขัดข้อง เพราะมันหายใจไม่สะดวก มันอึดอัดขัดข้องเพราะมันอยู่กับสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ไหว

แต่ถ้าเป็นกิเลสในหัวใจ มันอึดอัดขัดข้องในใจของปลานั้น ปลานั้นมันมีความมันอึดอัดขัดข้องในใจของมัน มันอยู่ด้วยความทุกข์ของมัน มันอยู่ด้วยความลำบากของมัน

แต่ถ้าปลามันมีความสะดวกสบายของมันน่ะ มันอึดอัดขัดข้องกับสิ่งแวดล้อมนั้นน่ะ ทีนี้ถ้ามันอึดอัดกับสิ่งแวดล้อมนั้น เรามาวัดมาวา เรามาเพื่ออะไรกัน มาเพื่อบุญกุศล น้ำ ถ้ามันไหลไปทางเดียวกัน น้ำมันก็เป็นน้ำ แต่สิ่งใดที่มันเป็นขยะ มันเป็นสวะ มันเป็นสิ่งที่อยู่ในน้ำ มันไม่ใช่น้ำ นี่ก็เหมือนกัน ถ้าความเป็นไปเป็นมันเป็นธรรมชาติของมัน มันจะเหมือนกันไป มันเหมือนกับน้ำ ปลาที่อยู่ในน้ำนั้น น้ำมันดีน่ะ มันก็มีความสะดวกสบายของมัน

เวลาคนมา ใครๆ มา เขามากันเองของเขานะ แต่มากันเองน่ะ วัดเราก็ต้องการศาสนาที่ดี เราต้องการศาสนา.. พุทธศาสนา ศาสนาแห่งปัญญาๆ ศาสนาพุทธเป็นที่พึ่งที่อาศัยของเรา แล้วเราพึ่งอาศัยได้ไหมล่ะ ถ้าเราพึ่งอาศัยได้เหมือนกับปลาตัวนั้นน่ะ ถ้าปลาตัวนั้นมันอยู่ในน้ำที่ดี น้ำที่ดีแต่ปลามันไม่ดี ปลามันไม่ดี ปลามันมีกิเลส ปลามันมีความอึดอัดขัดข้องของมัน ปลามันต้องแก้ไขตัวของมันก่อน ถ้าปลามันแก้ไขตัวมันแล้ว ในออกซิเจนนั้น ในน้ำนั้นมันมีอยู่แล้ว ศาสนานี้ก็เหมือนกัน ศาสนาเป็นธรรมชาติ ศาสนาเป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เราอึดอัดขัดข้อง

แต่ถ้าเราทำตัวของเราดีแล้ว ทำตัวของเราดีแล้วเพราะอะไร เพราะสังคมมันหลากหลาย คน ความเป็นไป ถ้าสังคมหลากหลาย มันเรื่องของเขากับเรื่องของเรา ปลากับน้ำมันอันเดียวกันหรือเปล่า น้ำเป็นสิ่งแวดล้อมใช่ไหม ปลามันไม่ใช่น้ำ น้ำก็ไม่ใช่ปลา นี่ก็เหมือนกัน สิ่งนี้เรื่องของเขา มันไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา เราไปแบกรับทำไม เราทำไมต้องไปแบกรับภาระเรื่องของเขาล่ะ เรื่องของเขาเป็นเรื่องของเขา มันกรรมของสัตว์ นี่หน้าที่ของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเทศนาว่าการแล้วเป็นผู้ชี้ทาง ถ้าใครจะเอาไม่เอาเป็นเรื่องของเขา มันอยู่ที่ความดัดแปลงของเขานะ

วัตรปฏิบัติ มาวัดนี่มาประพฤติปฏิบัติกัน มาวัดมาเพื่อดัดแปลงตน ไม่ใช่วัดต้องดัดแปลงวัดให้เป็นความเห็นของตน ถ้าดัดแปลงวัดให้ตามความเห็นของตนน่ะ วัดมันก็ไหลไปตามโลก แล้วเราบอกว่าศาสนาเสื่อมๆ เพราะอะไร เพราะเราก็เป็นส่วนหนึ่งทำให้ศาสนาอันนั้นเสื่อม เพราะเราเอาแต่ความพอใจของเรา เราจะเอาแต่ความพอใจของเรานะ ต้องได้ดั่งใจของเรา มันถึงจะเป็นสิ่งที่เราพอใจของเรา

แล้วพระก็เหมือนกัน พอเห็นว่าโยมต้องการ เดี๋ยวนี้เอาวัดไปไว้ในศูนย์การค้า มีความคิดกันว่าเอาวัดไว้ในศูนย์การค้า แต่ศาสนานะ เป็นที่อโคจร พระไปไม่ได้ ที่อโคจร ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่อยู่ในเวียงในวังล่ะ ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องออกอยู่ป่าอยู่เขาล่ะ ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องออกไปอยู่โคนต้นโพธิ์ เวลาตรัสรู้ขึ้นมาในศาสนาพุทธเกิดที่ไหน เกิดที่ใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่โคนต้นโพธิ์นั้น มันต้นโพธิ์ต้นเดียว ไม่มีสิ่งวัตถุก่อสร้างใดๆ ทั้งสิ้นเลย แต่เราไปติดกันที่วัตถุก่อสร้างใช่ไหม ว่าสิ่งนั้นต้องเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกกับเรา แม้แต่วัดก็จะเอาไปไว้ในศูนย์การค้านะ นี่ความเห็นไง โลกเป็นใหญ่ คนมีกิเลสเป็นใหญ่ แล้วศาสนา บริหารศาสนา จัดการศาสนา ศาสนามันจะไปไหน มันก็ไปในความเห็นของโลกใช่ไหม แล้วเวลาพระขึ้นมาต้องเรียบร้อย...ก็หุ่นยนต์ไง! เอาหุ่นยนต์มานั่งไว้แล้วกราบหุ่นยนต์สิ กราบพระๆ ผ้าเหลืองก็ไปเสาชิงช้าสิ ผ้าเหลืองเต็มตู้เลย

นี่เราไปคิดกันแต่เปลือกข้างนอก เราไม่ได้คิดถึงวัตรปฏิบัติของพวกเราที่เรามาวัด เรามาวัดใจเรานะ วัตรปฏิบัติ ดูสิ เขามาวัดต้องมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มาวัด ถ้าวัดนี้ วัดที่ปฏิบัติ เขาต้องการความสงบสงัดของเขา เราก็อย่าส่งเสียงดัง เราก็ให้อำนวยความสะดวกกัน เพราะเราอยู่ด้วยกัน ออกซิเจนด้วยกัน ปลาจะอยู่ด้วยกัน ฝูงของปลามันก็ต้องมีออกซิเจน มันก็ต้องมีน้ำที่สะอาด เรามาถึงปั๊บ เขาอยู่กันด้วยความสงบสงัด เราก็พูดประสาเราเลย เราก็เต็มที่ของเราไปเลย โอ๋ย.. วัดนี้ดี.. วัดนี้ดี...มันดีที่วัด แต่เรามันไม่ดีเพราะเราส่งเสียงดัง เราไปขัดข้องเขาเอง วัดมันดี แต่เราไม่ดี วัดมีสิ่งที่มันดี แต่ปลามันไม่ดี ถ้าปลามันไม่ดีขึ้นมา น้ำมันก็ไม่ดี แล้วน้ำกับปลามันจะดีกันได้อย่างไรล่ะ มันจะทำอย่างไรให้มันดีขึ้นมาได้ล่ะ นี่แล้วทำดีขึ้นมา

ดูสิ เวลาหลวงปู่มั่นนะ ท่านอยู่ในป่าในเขานะ เวลาพวกโยมจากสกลฯ จะไปทำบุญกุศลนะ คนแก่คนเฒ่าไปไม่ไหวก็เอาเกวียนไป พอเอาเกวียนไปน่ะมันเป็นคันนา มันไม่มีถนนหนทางไป ต้องซื้อถนนเข้าไป เขาต้องบากบั่น เขาต้องพยายามแสวงหาของเขา ถ้าใจของเขาเคารพบูชาของเขา เขาต้องแสวงหาของเขา

แต่นี่เราจะอำนวยความสะดวกของเขา นี่เด็กมันไร้เดียงสา เด็กมันน่ารัก เวลาเด็กมันก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ไม่เป็นไร เด็กมันไร้เดียงสาน่ารัก แต่พ่อแม่ที่พาเด็กมา ในเมื่อสังคม เวลาของเด็กเราก็อำนวยความสะดวกแก่เด็ก แต่เวลาที่จะฟังธรรมพ่อแม่ก็ต้องดูแลหน่อยหนึ่ง ต้องดูแลลูกของเรา อย่าให้ไปกระทบกระเทือนคนอื่น มันมีความคิดความเห็นไปได้หมดน่ะ นี่เด็กมันไร้เดียงสา แต่ผู้ใหญ่มันทำอย่างนั้นไม่ได้ นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อเราจะอำนวยความสะดวกกับโลก พูดกันนะ เอาวัดไปไว้ในศูนย์การค้า เพราะแวะศูนย์การค้ามันจะได้แวะวัด เขาไปศูนย์การค้านะ เขาไปเพลิดเพลินของเขา เขาไปตากแอร์ของเขา เขามีความเพลิดเพลินของเขา

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการ อนุปุพพิกถา ต้องให้เรื่องของทานก่อน เรื่องของทานคือเรื่องเปิดหัวใจก่อน เรื่องทาน ผลของทานคือสวรรค์ พอถึงสวรรค์มันก็ยังเกิดยังตายอยู่ ต้องเนกขัมมะ เนกขัมมะถือพรหมจรรย์ พรหมจรรย์เสร็จแล้วถึงเทศน์อริยสัจนะ...มันพร้อม! จิตใจของคนที่พร้อมแล้วถึงจะเทศน์ธรรมะให้ฟัง

จิตใจของคนที่มันเกาะเกี่ยวอยู่กับโลก มันไปเที่ยวศูนย์การค้าอยู่ มันจะไปเรื่องของโลก ไปเรื่องซื้อแสวงหาเรื่องของโลกๆ อยู่ จะเอาธรรมะไปยัดให้มัน นี่ดูความคิดของโลกเขาสิ ความคิดของโลกเขาคิดว่าธรรมะมันเป็นทางวิชาการ ใครๆ ก็จะศึกษาได้ไง ทางวิชาการมันโลกียปัญญา ไม่อย่างนั้นจะมีปริยัติทำไม ทำไมต้องมีปฏิบัติ ปฏิบัติเอาไว้ทำไม ปฏิบัตินี่ แล้วปริยัติเรียนกันมาน่ะ ๙ ประโยค ๑๐๐ ประโยค แล้วรู้ไหมว่าสิ่งใดควรไม่ควร เรียนธรรมะมาแล้วมันก็เรื่องข้างนอก มันเรื่องของน้ำ ไอ้ปลามันไม่รู้ตัวมันเองเลยนะ ปลาอาศัยออกซิเจนอยู่ในน้ำ มันยังไม่รู้เลยมันอาศัยออกซิเจนในน้ำนั้นหายใจนะ นี่ศึกษามาแล้วศึกษามาทำไม นี่มันเรื่องของโลก โลกเป็นใหญ่ ถ้าโลกเป็นใหญ่...เป็นไปไม่ได้!

ถ้าธรรมะเป็นใหญ่ วัตรปฏิบัติเราต้องอาศัยตรงนั้น เราต้องมีวัตรปฏิบัติของเรา เราต้องมีวัตรปฏิบัติขึ้นมาวัดใจเรา ใจเรามีพอใจไหม ใจเรามีความขัดแย้งไหม นี่ขัดข้องใจ ฟังว่าเป็นเรื่องของกิเลส แล้วขัดข้องใจเพราะเหตุใด ขัดข้องใจเพราะเราผิดพลาดเอง เรามาไม่ทันเอง เราทำอย่างไรของเราเอง เรามาแล้วเราควรทำอย่างไรให้มันไม่ขัดแย้งกัน ให้มันเป็นไป ความเสมอภาคเป็นธรรม ความเสมอภาค ความเห็น นี่ทิฏฐิมานะเสมอกัน ความเห็นทิฏฐิมานะเสมอกัน แต่มันเป็นได้ยาก

การเกิด ถ้าเกิดในประเทศอันสมควร เกิดในสังคมที่ดี เกิดในประเทศ แล้วเราเกิดในสังคมไทย อย่างน้อยเราก็เป็นชาวพุทธน่ะ ชาวพุทธมันจะมองถึงเรื่องศีล ศีล สมาธิ ปัญญา พูดถึงความเข้าใจกันได้ อย่างน้อยเขามีพื้นฐานอยู่แล้ว นี่ก็เหมือนกัน ถ้าอย่างน้อยมีพื้นฐานอยู่แล้ว เรามีทิฏฐิเสมอกัน มีความเห็นเสมอกัน นี่สังคม ถ้าสังคมไม่มีความร่มเย็นเป็นสุข สมณะ ชี พราหมณ์ จะประพฤติปฏิบัติได้อย่างไร นี่เขาเกิดสงคราม เขาฆ่าฟันกัน เราจะมานั่งพุทโธๆๆ อยู่ได้อย่างไร เวลาเกิดสงครามกันน่ะ เราก็ต้องออกไปเพื่อบริหารจัดการให้สังคมนั้นสงบร่มเย็นขึ้นมา เราถึงมาพุทโธๆ ของเราได้

แต่สังคมเป็นสังคม เราเป็นเรานะ นี่น้ำเป็นน้ำ ปลาเป็นปลา ความสำเร็จมันสำเร็จอยู่ที่ปลานั้น ความสำเร็จ ความเป็นไปในหัวใจเรามันอยู่ที่หัวใจของเรา มันไม่เกี่ยวกับสังคม แต่ก็ต้องอาศัยสังคมอยู่ อยู่กับโลกแต่ไม่ติดกับโลก แต่ถ้าอยู่กับโลกยึดโลกเป็นใหญ่ นี่จะอำนวยความสะดวกอะไรไปหมด ทุกอย่างจะมีความสะดวกสบาย มันก็สะดวกสบายของกิเลสไง

หลวงตาท่านพูดประจำ “จะภาวนาก็หมอนผูกคอมันไป กลัวมันจะไม่ได้นอนไง” นี่อำนวยความสะดวก ถ้ายังไม่ได้ปฏิบัติเลยน่ะ อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างเลย กิเลสมันก็ยิ้มน่ะสิ แต่เวลาปฏิบัติ พอมันจะมีความทุกข์ยากหน่อย ขาอ่อนเลย ไปไม่ได้ นั่นน่ะ กิเลสมันทอนกำลังแล้ว แต่ถ้ามันจะมีขนาดไหน

ธุดงควัตรมีไว้ทำไม พระป่ามีไว้ทำไม เวลาพระป่า วัดป่ามีไว้ทำไม วัดกับวัตรต่างกันอย่างไร วัตรปฏิบัติมันต่างกันตรงไหน พระธุดงค์มันอยู่ที่ไหน พระธุดงค์มันอยู่ที่ธุดงค์ ๑๓ ข้อ พระธุดงค์ไม่ใช่ผ้าสีดำๆ ผ้าสีดำๆ โยมนุ่งสีดำดีกว่าพระอีก มันอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติ มันอยู่ที่ศีลธรรมจริยธรรมในหัวใจ มันอยู่ที่การกระทำอันนั้นขึ้นมา แล้วถ้าอยู่ที่การกระทำอันนั้นขึ้นมา เราจะส่งเสริมไหม ถ้าเราส่งเสริม ธรรมเป็นใหญ่ ความขัดแย้งในใจเราคือเรื่องกิเลสทั้งหมด เรื่องกิเลสทั้งหมดเราต้องดัดแปลงที่นี่ วัตรปฏิบัติที่นี่

เวลาไปวัดมันขัดเกลา ไปวัดไปวาเราก็สังเกต เราทำอะไรผิดพลาดบ้าง เราพัฒนาตัวของเราขึ้นมา เราพัฒนาตัวเราให้ดีขึ้น นี่วัตรปฏิบัติ นี่มีข้อวัตร วัดไม่ร้าง เห็นไหม พระเต็มวัดเลย แต่ไม่มีพระสักองค์หนึ่ง เพราะไม่ทำข้อวัตรปฏิบัติ ในวัดสกปรกโสโครก กิจของสงฆ์ ๑๐ อย่าง กวาดลานเจดีย์ วัจกุฏี ทำความสะอาดในวัด ถ้าพระเป็นพระ วัดทุกวัดในประเทศไทยจะร่มเย็นเป็นสุข ญาติโยมจะเข้าไปแล้วด้วยความชื่นใจหมดเลย แต่มันมีแต่วัดเฉยๆ ไม่มีพระ! เพราะมันไม่มีกิจของสงฆ์ไง ไม่รู้จักตัวของสงฆ์ ปลาไม่รู้จักตัวของปลาเองไง มันจะอาศัยแต่น้ำที่มีออกซิเจนอยู่ของมันไง แล้วมันจะอยู่กันไปอย่างไร แล้วศาสนาเสื่อมๆ แล้วเราเป็นอย่างนั้น โอ๋ย.. ดี วัดนี้ดี สบาย เขาไม่ว่าอะไรเลยนะ ไปถึงก็นอนสบาย วัดดี...นี่โลกเป็นใหญ่

ถ้าธรรมเป็นใหญ่ วัดไม่ร้าง มันจะมีวัตรปฏิบัติ เราจะมีข้อบังคับตัวเราเอง เราจะต้องมีข้อบังคับตัวเราเอง ต้องมีข้อวัตรปฏิบัติ แล้วข้อวัตรปฏิบัติจะดัดแปลงตัวเรา แล้ววัดที่ไม่ร้าง ดูสิ ใครมาทุกคน โอ๋ย.. ที่นี่ทำสะอาด ที่นี่ทำกันเมื่อไร...ถูเช้าถูเย็น ถูทุกวัน นี่ไม่ต้องมีใครสั่ง เพราะมันเป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีอยู่แล้วใช่ไหม นี่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว แล้วมีอยู่แล้ว

เวลาพระไม่ดีขึ้นมาก็ออกกฎหมายกันๆ กฎหมายบังคับใครได้ กฎหมายออกมาเพื่อจะหลบหลีกกัน ออกกฎหมายมาเพื่อจะหลบหลีก แต่ถ้าใจเราเป็นธรรมนะ ธรรมวินัยมีอยู่แล้ว สิ่งนี้มีอยู่แล้ว พระพุทธเจ้ามีอยู่แล้ว ธรรมมีอยู่แล้ว เราก็ทำตาม เราเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลวงตาท่านบอกเลย “เหยียบหัวพระพุทธเจ้ากันไป กราบไหว้พระพุทธเจ้าเต็มมือ เท้าก็เหยียบหัวพระพุทธเจ้ากันไป”

มาวัด แต่กิเลสมันเหยียบย่ำกันไป กิเลสมันก็เหยียบย่ำกันไปๆ แต่มาวัดๆ ถ้ามันมีวัตรปฏิบัติขึ้นมามันต้องแก้ไขที่นี่ รู้กันที่นี่ แล้วทำที่นี่ ถ้าวัตรปฏิบัติ ใจเราดีขึ้นมา นี่วัดไม่ร้าง ในหัวใจเราก็มีพุทโธ ในหัวใจเรามีพระพุทธเจ้า เราก็เคารพพระพุทธเจ้า ทุกคนมีความรู้สึก ทุกคนมีหัวใจ ทุกคนมีความรับรู้ได้ ความรับรู้อันนั้น เราพัฒนาของเราเพื่อประโยชน์กับเรา แล้วมันจะได้ไม่เป็นภาระกับใคร ไม่ต้องหาบหามนะ

ล้ามาก เราล้ามาก มันอัดอัดมาก อึดอัดจริงๆ นะ แล้วพูดไปก็ว่ากิเลสๆ ทุกคนจะบอกว่าเรานี่ดุมากๆ แล้วใครก็ว่าเลยนักเลงๆ ใครว่ามันก็เรื่องของเขานะ นักเลงไม่นักเลงก็ตรงนี้ไง สิ่งที่มันจะไม่มีสิ่งใดเลยก็ได้ ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไปก็จบ แต่มันต้องอยู่ด้วยกันน่ะ มันจะเอาธรรมเป็นใหญ่หรือจะเอาโลกเป็นใหญ่ ถ้าเอาโลกเป็นใหญ่มันก็เป็นเรื่องของโลกทั้งหมด มันจะน้อมลงมาไม่ได้ แต่ถ้าจะเป็นธรรม ธรรมไปเกี่ยวกับโลกเขาทำไม สังคมเป็นสังคม สังคมไม่ใช่เรา แม้แต่ร่างกายยังต้องทิ้งเลย “ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด” ชีวิตเรายังไม่อยู่กับเราเลย แล้วจะไปเกี่ยวเนื่องกับใคร แต่นี่ก็เพื่อประโยชน์โลก เพื่อประโยชน์โลก

ฉะนั้น มาแล้ว ต่างคนต่างคิด ไม่ใช่เราดุนะ มันเต็มที ไหลกันไป คุ้นชินกันไป เหยียบย่ำกันไป เพราะความคุ้นชิน แต่ถ้ามันมีการเคารพบูชาขึ้นมา มันจะมีระยะห่าง ดูไปวัดสิ ทำไมถ้าพระที่เวลาบูชาทำไมเรากราบด้วยหัวใจของเรา แต่ถ้าพระดีๆ พระดีก็คนใช้ไง พระดีก็คอยมาเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟข้าวให้เราไง พระดี แล้วถ้าครูบาอาจารย์ของเราล่ะ พระนะ ไม่ใช่คนใช้ของเรา ไม่ใช่ที่เสิร์ฟอาหารให้เรา พระเป็นที่เคารพบูชาของเรา เราต้องทำตัวของเราให้เป็นคนดี แล้วศาสนาจะเจริญ เอวัง